เบต้ากลูแคนจาก AFO-202 และ N-163 – ความหวังใหม่ของผู้ป่วยเบาหวานและกลุ่มเมตาบอลิกซินโดรม

เบาหวาน และ เมตาบอลิกซินโดรม (Metabolic Syndrome)

คือกลุ่มอาการที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของระบบเผาผลาญ เช่น ไขมันในเลือดสูง น้ำตาลในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง และภาวะดื้ออินซูลิน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคหัวใจและหลอดเลือด

แม้จะมีการใช้ยาและการควบคุมอาหารร่วมกัน แต่ก็มีงานวิจัยใหม่ๆ ที่ชี้ให้เห็นว่า สารอาหารจากธรรมชาติอย่างเบต้ากลูแคน โดยเฉพาะจาก สายพันธุ์ AFO-202 และ N-163 ของยีสต์ดำ Aureobasidium pullulans อาจมีบทบาทช่วยปรับสมดุลระบบเผาผลาญในร่างกายอย่างได้ผล

ผลการทดลองในสัตว์: ลดระดับน้ำตาล ไขมัน และการอักเสบ

ในงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Functional Foods in Health and Disease (2023) นักวิจัยได้ทดลองให้หนูสายพันธุ์ KKAy mice ซึ่งมีภาวะเมตาบอลิกซินโดรมโดยกำเนิด รับประทานเบต้ากลูแคน AFO-202 และ N-163

ผลการทดลองพบว่า : ตับมีไขมันสะสมน้อยลง และแสดงอาการบาดเจ็บจากไขมันลดลง

ลดระดับ น้ำตาลในเลือด (fasting glucose) อย่างมีนัยสำคัญ
ควบคุมระดับ ไตรกลีเซอไรด์ (TG) และ คอเลสเตอรอล (LDL, HDL) ได้ดีขึ้น
ลดค่าการอักเสบภายในร่างกาย เช่น IL-6 และ TNF-α

ความแตกต่างของ AFO-202 และ N-163

  • AFO-202: มีฤทธิ์เด่นในการ ควบคุมระดับน้ำตาลและไขมัน
  • N-163: เน้น ลดการอักเสบ และช่วยฟื้นฟูเซลล์ตับที่ได้รับผลจากไขมันสะสม

การใช้ร่วมกันของทั้งสองสายพันธุ์จึงให้ผลครอบคลุมทั้งด้านเมตาบอลิซึมและภูมิคุ้มกัน

โอกาสของการใช้ในมนุษย์

แม้การทดลองยังอยู่ในระดับสัตว์ทดลอง แต่มีการศึกษานำร่องในมนุษย์ซึ่งแสดงผลเชิงบวกเช่นกัน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีปัญหา ภาวะดื้อต่ออินซูลิน หรือ โรคไขมันพอกตับ (NAFLD)

ผู้วิจัยเชื่อว่าเบต้ากลูแคนจากสายพันธุ์เฉพาะเหล่านี้สามารถเสริมการรักษาด้วยยา หรือใช้เป็นอาหารเสริมเชิงป้องกันในผู้ที่มีความเสี่ยงสูงได้ในอนาคต

สรุป

เบต้ากลูแคนจากยีสต์ดำสายพันธุ์ AFO-202 และ N-163 กำลังได้รับความสนใจในฐานะสารธรรมชาติที่สามารถช่วย ควบคุมระบบเผาผลาญ ลดน้ำตาล ลดไขมัน และลดการอักเสบภายในร่างกาย ได้อย่างครอบคลุม ถือเป็น “ความหวังใหม่” ที่มีศักยภาพเสริมแนวทางการดูแลผู้ป่วยเบาหวานและกลุ่มเมตาบอลิกซินโดรมในระยะยาว

แหล่งอ้างอิง:

catsadmin